ศาลตัดสิน "ประหารชีวิตฆาตกรโหด" ฆ่าข่มขืนเด็กหญิงสองพี่น้องชาวขุขันธ์ เมื่อปี 2549
หลายคนคงจำคดีสะเทือนขวัญนี้ได้ดี เพราะช่วงเกิดเหตุ
เป็นช่วงเทศกาลงานประเพณีแซนโฎนตา ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ประจำปีของชาวขุขันธ์
ซึ่งแน่นอนว่าทุก ๆ คนก็ต้องยุ่งกับการ
เตรียมงานนี้
รวมถึงผู้ปกครองของ นัท และ แนน ทำให้ นัท และ แนน
เด็กหญิงสองพี่น้องอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง
ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนก็คงไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ค่ำคืนวันที่ 18 กันยายน 2549 ซึ่งถือเป็นคืนสุดท้ายสำหรับการเตรียมงานแซนโฎนตาของหน่วยงานต่าง
ๆ ประกอบกับคุณแม่ของทั้งสองเป็นข้าราชการ(คุณแม่เป็นครูพี่เลี้ยงของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
และคุณพ่อทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ และกำลังจะเดินทางกลับมางานแซนโฎนตา) จึงต้องจำเป็นต้องไปช่วยหน่วยงานในสังกัดตนเอง
ทำให้ นัท และ แนน เด็กหญิงสองพี่น้องอยู่บ้านเพียงลำพัง
ตลอดทั้งคืนวันที่ 18 กันยายน 2549 ฟ้าแลบ ฝนตกหนักตลอดคืน
จนเกือบสว่างถึงได้สร่างซา และกลางดึกของค่ำคืนนี้สถานีตำรวจภูธรปรือใหญ่ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคดีฆาตกรรมในครอบครัว
ไม่ไกลจากสถานสงเคราะห์นิคมปรือใหญ่นัก เป็นการฆาตกรรมทั้งพี่สาวและน้องสาว
ขณะที่แม่ออกไปช่วยงานบุญประเพณีแซนโฎนตา
เหตุร้ายเกิดขึ้นราวสักทุ่มเศษ
เกิดขึ้นกับพี่สาวที่เรียน ม.4 และน้องสาวที่เรียนอยู่ชั้น ป.5
เป็นพี่สาวและน้องสาวที่น่ารัก นิสัยดี ตามคำบอกเล่าสภาพเหตุการณ์ ช่างน่าอนาถนัก ทั้งสองโดนทุบตี
และล่วงละเมิด มิหนำซ้ำฆาตรกรโหดยังเอาร่างสองพี่น้องไปซุกซ่อนไว้ใต้ต้นมะพร้าว
บริเวณทุ่งนาด้านหลังบ้าน ซุกซ่อนจากคราบเลือดที่เลอะรอบบ้าน ซุกซ่อนจากความผิดร้ายแรง
รองฯหลอด แห่ง สภ.ปรือใหญ่ พร้อมคณะ
และกำนัน รวมเกือบ 10
นาย/คน เข้าเยี่ยมชมสถานสงเคราะห์กลางดึก
กว่าจะจัดการตรวจสอบในเบื้องต้นแล้วเสร็จก็เกือบ 2 นาฬิกาของวันที่
19 กันยายน เข้าแล้ว
ช่วงสายของวันที่ 19
กันยายน 2549 หัวหน้าส่วนราชการทุกท่านก็พร้อมเพรียงที่บ้านญาติของคุณแม่ผู้สูญเสียชีวิต
ขณะที่บ้านที่เกิดเหตุถูกปิดล้อมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสองข้างทางก็เต็มไปด้วยผู้คน
และที่หนักไปกว่านั้น คุณแม่ของทั้งสองพี่น้อง ยังถูกผู้คนกล่าวหาว่าเธอมีชู้
และให้ชู้ไปฆ่าลูก
และล่าสุดเมื่อวานนี้(
10
พฤษภาคม 2557) คุณแม่ของทั้งสอง
ก็ได้โพสต์เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมของลูกสาวทั้งสองผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว
ว่าฆาตกรถูกศาลตัดสินประหารชีวิต และใต้โพสต์ของคุณแม่ทั้งสอง
มีความคิดเห็นหนึ่งที่เธอได้กล่าว อันมีใจความดังต่อไปนี้
…..“เห็นคุณครูร.ร.ขุขันธ์ เขาพากันเข้าใจว่าฉันซึ่งเป็นแม่ของเด็กหญิงณ้ฐพร
แช่มโตนด ถูกกระทำชำเราเมืรอปี49 ฉันไปติดต่อประชีวิจให้ลูกสาว
ผ.อ.อรพิน ถามคำแรก ข่าวเขาว่าเธอมีชู้
ให้ชู้ไปฆ่าลูกเพราะต.ร.บอกว่าแม่ไม่ให้ความร่วมมือ
ขณะนี้ศาลให้ไปฟังคำพิพากษาผู้กระทำความผิดตัดสินประหารชีวิต มี่เข้าใจกันนั้นแม่ไม่ได้มีชู้
คุณครูอาจอยากทราบความเคลือนไหวของคดีกรุณาบอกเพื่อนๆครูด้วยนะคะช่วงเวลา 8
ปีฉันกับสามีเหมือนตายทั้งเป็นดีที่ว่าสามีไม่เป็นคนหูเบาเราอยู่ด้วยกันมาฮันไม่เคยมีพฤติกรรมตามที่สังคมกล่าวหายอมรับว่าจะทำอย่างไรจะให้คำกล่าวหานั้นพ้นมลทินจึงอยากโพสต์ให้คุณครูของลูกสาวทั้ง
2 ร.ร.และทุกๆท่านทั่วประเทศที่ต้องการอยากรู้เรื่องคดีว่าคืบหน้าไปถึงไหนทำใมเงียบเราไม่ได้เงียบเราสู้คดีและขื้นศาลตลอดระยะเวลา
8 ปีคะเรื่องจบแล้วคะเขาได้รับกรรมศาลตัดสินประหารชีวิต”…..
ทางเว็บขุขันธ์นครก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างยิ่ง
และฆาตกรโหดก็ได้รับโทษอันสาสมกับกรรมที่ตนเองได้ทำไว้แล้ว และก็ขอให้ทั้งสองไปสู่สุขคติ สู่ภพภูมิที่ดี อย่าได้เจอคนใจร้ายเช่นนี้อีกเลย
ภาพจากโพสต์ของคุณแม่ของเด็กหญิงสองพี่น้องที่เสียชีวิต
อีกโพสต์หนึ่งของคุณแม่ผู้เสียชีวิต
“เมื่อ 18 ก.ย. 48
เป็นวันที่โหดร้ายที่สุดสำหรับครอบครัวของดิฉันที่สูญเสียลูกสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจทั้ง
2 คนมีใครบ้างที่จะมีชีวิตอยู่ได้ข้ากับสามีต่อสู้ชีวิตมา 8 ปี
เหมือนกับตายทั้งเป็นเพราะอยากจะล้างมลทินให้กับตัวเองที่ข่าวกล่าวหาว่าข้าพเจ้ามีชู้บอกให้ชู้ฆ่าลูกตัวเองท่านครูบาอาจารย์ร.ร.ขุขันธ์และคุณครูร.ร.อนุบาลศรีประชานุกูลรวมถึงประชาชนทั่วประเทศที่ติดตามข่าวเรื่องไม่ได้เงียบหายไปไหนตลอดระยะเวลา8ปีที่ผ่านมาก็ขึ้นศาลสู้คดีตลอดมาอยากให้คุณครู
ร.ร.ของลูกสาว ทั้ง 2 ร.ร.โดยเฉพาะ ผ.อ.หญิง ร.ร.
ลูกสาวคนโตถามคำแรกว่าเขาว่าเธอมีชู้ให้ชู้ฆ่าลูกตัวเอง
นี่คือความเข้าใจของเกือบมุกคนมี่เข้าใจเช่นนั้นฉะนั้นถ้าใครก็ตามที่ได้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนโปรดรับรู้ด้วยว่าศาลตัดสินประหารชีวิตจับคนกระทำความผิดได้แล้ว”
อีกโพสต์หนึ่งของคุณแม่ผู้เสียชีวิต
วันพุธที่
7 พ.ค. 57 ไปศาลจัหวัดศรีสะเกษห้องะจารณาคดี
ห้อง9 ศาลได้อ่านคำพิพากษาให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายมาตรา
90 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว
“ คนเราจิตใจมันโหดร้ายเสียจริงนะ
ช่างทำได้ลงคอกับน้องผู้หญิงถึง 2 คน เป็นลูกสาวเพียง 2 คนของครอบครัว ณ
ตอนนี้หัวใจของผู้เป็นแม่จะบุบสลายเพียงใด คงไม่ยากแก่การคาดเดา ”
เรียบเรียงข้อมูลจากโพสต์ของคุณแม่ผู้เสียเสียชีวิตผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว
Rochana
Linthong และเรียบเรียงจากบทความ เทศกาลกล้วยแสนหวี ประเพณีแซนโดนตา
บูชาหลักเมือง ประจำปี 2549 จากบล็อก http://www.gotoknow.org/posts/50774 เขียนโดยผู้ใช้บล็อก มงคล ยะภักดี
หากข้อมูลข่าวนี้ใข้อผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนประการใด
ผู้เขียนก็ต้องขออภัยด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น